“ขุมสมบัติ” ที่ฝังอยู่ใน…
สินค้าพื้นเมืองไทย
ทราบไหมคะ?
ว่ารอบๆตัวคุณ มีสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้อยู่…
ย้อนไปสมัยรัชกาลที่ 5 มีเรื่องเล่าจากวังหลวงว่า เมื่อใดก็ตามที่ “สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ” (พระมเหสีของ ร.5) เสด็จไปพักค้างแรมนอกวัง ท่านจะบรรทมได้ยากยิ่ง พระองค์จึงต้องรับสั่งให้ข้าหลวงเตรียมจุด “เทียนร่ำห้อง” ถวาย เพื่อสร้างบรรยากาศให้คล้ายกับห้องนอนของพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง ครั้นแล้วจึงจะหลับสนิทได้ตลอดคืน
“เทียนร่ำห้อง” มีลักษณะเป็นแท่งเรียวยาว ทำขึ้นจากขี้ผึ้ง เครื่องหอม และน้ำมันหอมตำรับโบราณจากสมุนไพรหลายชนิด ตามสูตรลับของฝ่ายพระราชฐานชั้นใน จึงมีใช้กันเฉพาะในหมู่เจ้าขุนมูลนาย และราชวงศ์เท่านั้น
เมื่อถูกจุด ควันเทียนจะดึงเอากลิ่นหอมละมุนของดอกไม้นานาพรรณจากผงไม้หอม ให้ฟุ้งกำจายแทรกซึมไปทั่วผนังและเพดานห้อง จนห้องหอมตลบอบอวล ช่วยให้ผ่อนคลายหลับสบาย นอกจากนี้ สมุนไพรนานาชนิดในไส้เทียนยังช่วยขับไล่แมลง และเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย
นายแพทย์สมิธ แพทย์ประจำพระองค์ได้รับอนุญาตให้เข้าออกฝ่ายในเป็นกรณีพิเศษ ท่านได้บันทึกชีวิตการกินอยู่หลับนอนของเจ้านายผู้หญิงในวังหลวง รวมถึงบันทึกสูตรลับในการฟั่นเทียนร่ำห้องไว้
ปัจจุบัน ศาสตร์การฟั่นเทียนร่ำห้อง ตกทอดมาถึงชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น…
เดินทางขึ้นเหนือไปยังลำพูน ที่นี่มี “ลำไย” ธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นสินค้าที่ได้ระบุเป็นผลิตภัณฑ์บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI (Geographical Indication)
ชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในลำพูน ได้รับมรดกตกทอดเป็นภูมิปัญญาในการใช้ “ไม้ลำไย” มาอบผลลำไยให้แห้ง จนมีกลิ่นหอมพิเศษไม่เหมือนใคร มีรสหวานตามธรรมชาติ ไม่เหนียวหรือแข็งจนเกินไป เคี้ยวทานได้อย่างเพลิดเพลิน เอาไปทำเป็นน้ำลำไยหรือใส่ขนมก็กลมกล่อมนัก
คำว่า “ลำไย” ภาษาอังกฤษคือ Longan ซึ่งอ่านเป็นภาษาจีนว่า “หลงเหยี่ยน” มีความหมายว่า “ตามังกร” เมื่ออบแห้งด้วยไม้ลำไย ผลลำไยที่ได้จะกลายเป็นสีเหลืองทองอร่าม คล้ายดวงตาของมังกร
แถม “ลำไยอบแห้ง” ในภาษาจีนอ่านว่า “กุ้ยหยวน” ซึ่ง “กุ้ย” มีอีกความหมายว่า “มีค่า” ลำไยอบแห้งจากลำพูน จึงเป็นสินค้าที่คนจีนชื่นชอบเป็นอย่างมาก มาไทยทีไรเป็นต้องเรียกหาซื้อกลับไปเต็มไม้เต็มมือกันทุกที
ถัดมาที่จังหวัดน่าน มีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชาวจีนเรียกว่า “ปั๋วกู่ตาน” และมีบันทึกในตำราแพย์แผนจีนมาอย่างยาวนาน ว่ามีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวดเมื่อย
ด้วยลำต้น กิ่ง และก้านที่มีสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ต้นกระดูกไก่ดำ” งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าต้นไม้ชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี สามารถใช้แทนสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นยึดได้อย่างปลอดภัย
ชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน จึงนำองค์ความรู้นี้มาพัฒนาด้วยการผสมสมุนไพรพื้นบ้านกว่า 14 ชนิด เช่น เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง ไพล ฯลฯ ที่รู้กันมาแต่โบราณว่าลดความเจ็บปวดได้ กลายมาเป็น “น้ำมันนวดกระดูกไก่ดำ”
น้ำมันนวดกระดูกไก่ดำนี้ มีการผสมน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ตัวน้ำมันเป็นสูตรเย็นไม่แสบร้อนผิว เพียงแค่หนึ่งถึงสองหยดก็คลายปวดลดกล้ามเนื้ออักเสบได้เป็นอย่างดี จนมีลูกค้ากลุ่มเล็กๆติดใจใช้เป็นประจำเรื่อยมา
จากประสบการณ์กว่า 10 ปีที่พวกเราได้เดินทางไปยังชุมชนทั่วไทย บอกได้เลยค่ะว่า
“บ้านเรามีสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้นับไม่ถ้วน!”
ในขณะที่คนทั่วประเทศบริโภคสินค้าเหล่านี้อยู่ทุกวัน น่าเสียดายเหลือเกินที่มีเพียงคนส่วนน้อยได้รู้จักผลิตภัณฑ์ที่เกิดมาจากเรื่องราวดีๆ และเป็นที่สุดของสินค้าชนิดนั้น
นี่ไม่ต่างกับการที่เรามัวล่าสมบัติจากทั่วโลก ทั้งๆที่ขุมทรัพย์ที่แท้จริงอยู่บนแผ่นดินใต้เท้าของเรานี่เอง!!
เราจึงรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องนำสมบัติเหล่านี้มาให้คนไทยทุกคนได้รู้จักค่ะ
สวัสดีค่ะ พวกเรา Born Thailand ทีมงาน Startup สาย AGTECH (Agriculture Technology) ภายใต้การดูแลของ NIA (สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ) เราทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาสารคาม แม่โจ้และเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ รวมถึงสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วว.) และ อบจ. อีกหลายแห่ง เพื่อพัฒนาตำบลกว่า 50 แห่ง และชุมชนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ Herb Starter, Craft Starter และ Health Harvest
Born Thailand เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของนักการตลาดและนักวิจัย 6 คน ที่มาจากอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ได้เดินทางไปยังตำบลทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนนับร้อย และฟังชาวบ้านเล่าตำนานพื้นบ้านเรื่องแล้วเรื่องเล่า กว่าจะกลายมาเป็นสินค้าอันแสนวิเศษของพวกเขา
แล้วทำไม “มรดกของไทย” เหล่านี้ถึงไม่เป็นที่รู้จักหรอคะ?
เราเคยถามคำถามนี้เหมือนกันคะ และเมื่อได้ลองหาคำตอบ เราก็เจอกับความจริงอันน่าเศร้า
ในขณะที่ชาวเมืองได้เรียนรู้หลักการทำธุรกิจ และได้ใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ขยายช่องทางขายสินค้ากันโครมๆ ชาวบ้านอีกหลายชุมชนกลับไม่มีโอกาสเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้วิธีสร้างและบริหารหน้าร้านบนโลกออนไลน์ ไม่มีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุม ไม่มีแอดมินคอยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อให้ลูกค้า ไม่มีทีมงานช่วยจัดส่ง และไม่มีคนดูแลเวลาการขายหรือการส่งสินค้าเกิดปัญหา
หลายครั้งที่มี Platform เกิดใหม่ ต้องการรวบรวมสินค้าดีๆของไทยไปวางขาย แต่ด้วยธรรมชาติของธุรกิจตัวกลางที่เน้นให้ผู้ขายมาเปิดร้าน โดยไม่ได้ทำงานร่วมกับร้านค้าซึ่งเป็นเพียงชาวบ้านทั่วๆไปเท่าที่ควร
เมื่อผู้ซื้อถามคำถามร้านค้าชุมชนก็ไม่มีคนตอบ เมื่อลูกค้าส่งคำสั่งซื้อชุมชนก็รับออร์เดอร์ไม่เป็น และเมื่อการซื้อขายไม่ประสบความสำเร็จ ชุมชนก็เลิกสนใจที่จะขยายตลาดบนโลกออนไลน์ไปในที่สุด
สุดท้าย ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านดีๆ จึงทำได้แค่วางขายอยู่ในชุมชน รอวันที่นักท่องเที่ยวบังเอิญผ่านไปเห็น บางครั้งขายไม่ดีก็ได้แค่ลดราคา หรือเอามาแจก
ถ้าปล่อยไปแบบนี้ มรดกที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านจากบรรพบุรุษของเรา คงต้องหายไปในไม่ช้าแน่เลยว่าไหมคะ?
BORN Thailand ถือกำเนิดขึ้น
ด้วยเหตุผลนี้แหละค่ะ
เราทั้ง 6 คนและทีมงานเล็กๆอีกจำนวนหนึ่ง จึงเริ่มเชื่อมต่อกับชุมชนทีละแห่ง และค่อยๆปรับจูนพวกเขาเข้ากับธุรกิจของโลกปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่…
การสร้างมาตรฐานการผลิตให้สะอาดปลอดภัย
การสร้างมาตรฐานสินค้าให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ และ
การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม ทันสมัย
จากนั้น เราก็นำสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์ สื่อสารเรื่องราวอันเหลือเชื่อของพวกเขาให้ทุกคนได้รู้ และขายสินค้าของพวกเขาไปทั่วประเทศ
วันนี้ คุณสามารถช็อปสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละชุมชนได้แล้ว โดยมีทีมงานของ Born Thailand ดูแลในเรื่องการสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดส่ง ไปจนถึงการแก้ปัญหาติดขัดเล็กๆน้อยๆ
ถ้าคุณชื่นชอบ และอยากช้อปสินค้าพื้นบ้านของไทยจากทั่วประเทศ…
คลิกไปรู้จักกับร้านค้าออนไลน์ของเราได้เลยค่ะ
Copyright © 2022 bornrdicenter.com All Rights Reserved