ห้องหอมอ่อนๆ
“นอนหลับสบาย”
ด้วยภูมิปัญญาจากเจ้าขุนมูลนายสมัย ร.5
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีเรื่องเล่าจากวังหลวงว่า…
เมื่อใดก็ตามที่ “สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ” (พระมเหสีของ ร.5) ทรงเสด็จไปพักค้างแรมนอกวังหลวง เช่น เสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังบางปะอิน ท่านจะทรงบรรทมได้ยากยิ่ง
ทุกครั้ง พระองค์จึงต้องทรงรับสั่งให้ข้าหลวงเตรียมจุด “เทียนร่ำห้อง” ถวายก่อนเข้าบรรทม เพื่อสร้างบรรยากาศให้คล้ายกับห้องนอนของพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง ครั้นแล้วจึงจะหลับได้สนิทตลอดคืน
“เทียนร่ำห้อง” มีลักษณะเป็นแท่งเรียวยาว
สืบประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัย ร.5 แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือนิยมใช้ในวงกว้าง เนื่องจากเทียนชนิดนี้ทำขึ้นจากขี้ผึ้งแท้ เครื่องหอม และน้ำมันหอมตำรับโบราณจากสมุนไพรหลายชนิดตามสูตรลับของฝ่ายพระราชฐานชั้นในของวังหลวง ในอดีต เทียนร่ำห้องจึงมีใช้กันเฉพาะในหมู่เจ้าคนนายคน เจ้าขุนมูลนาย และราชวงศ์เท่านั้น
เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ข้าหลวงจะนำเทียนร่ำห้องไปจุดไฟเผาไส้ให้ไหม้จนขึ้ผึ้งที่คอเทียนเดือดปุดๆ แล้วดับไฟทิ้งพอให้ไส้คลายความร้อน จากนั้นจึงนำกรรไกรตัดไส้ที่ไหมดำออก ขยี้ไส้ให้ฟู แล้วจุดเทียนขึ้นอีกครั้ง ทิ้งไว้ 1 – 2 นาทีแล้วค่อยดับไฟ ปล่อยให้ควันที่พวยพุ่งเป็นสาย อบห้องเจ้านายอยู่ซักพัก ก่อนจะถึงเวลาที่เจ้านายจะเข้าห้องนอน
ควันที่ลอยออกมาจะดึงเอากลิ่นหอมละมุนของดอกไม้นานาพรรณจากผงไม้หอม ให้ฟุ้งกำจายแทรกซึมไปทั่วผนังและเพดานห้อง จนห้องมีกลิ่นหอมตลบอบอวลช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายหลับสบาย นอกจากนี้ สมุนไพรนานาชนิดในไส้เทียนยังช่วยขับไล่แมลง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เหล่าเจ้านายในวังหลวงอีกด้วย
ไม่เพียงแต่เฉพาะห้องนอนเท่านั้น ช่วงเข้าพรรษาในฤดูฝนที่พุทธศาสนิกชนมักทำพิธีต่างๆเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต เจ้านายจะสั่งให้ข้าหลวงจุดเทียนร่ำห้องในห้องพระเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ ก่อนจะเริ่มพิธีสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือวิปัสสนากรรมฐาน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป วัฒนธรรมตะวันตกที่เผยแพร่เข้ามา หอบเอาเครื่องหอมชนิดต่างๆเข้ามาด้วย ผู้คนเริ่มหันไปใช้น้ำหอมหรือเทียนหอมที่หน้าตาดูทันสมัย เทียนร่ำห้องจึงค่อยๆหายไป เหลือทิ้งไว้เป็นเพียงตำนานบทหนึ่งของไทย ที่เล่าสืบต่อกันเรื่อยมา…
ชุมชนเทวาภิรมย์ สืบสานตำนานข้ามยุคสมัย
ส่งต่อถึงมือคุณ
แต่เรื่องราวทั้งหมดที่กล่าว ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้นค่ะ เพราะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดย “หมอสมิธ” เพื่อยืนยันความจริง
นายแพทย์สมิธ เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ จึงมีความใกล้ชิดกับวังหลวง ท่านได้รับอนุญาตให้เข้าออกฝ่ายในได้เป็นกรณีพิเศษ และท่านก็ได้บันทึกชีวิตการกินอยู่หลับนอนของเจ้านายผู้หญิงในวังหลวงไว้เป็นอย่างดี
มีตอนหนึ่งที่หมอสมิธบรรยายเกี่ยวกับการใช้ “เทียนร่ำห้อง” เพื่ออบร่ำห้อง และอบผ้าพระภูษาแพรพรรณ พร้อมสูตรสมุนไพร เครื่องหอม และวิธีการฟั่นเทียนชนิดนี้ไว้ในจดหมายเหตุอย่างละเอียด
ปัจจุบัน ศาสตร์ในการฟั่นเทียนร่ำห้อง ได้ตกทอดมาถึงชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ชื่อ “ชุมชนเทวาภิรมย์” ซึ่งสามารถปลุกตำนานบทนี้กลับคืนมา ด้วยฝีมือการฟั่นเทียนร่ำห้องตามตำรับโบราณอย่างพิถีพิถัน
ความมหัศจรรย์ของเทียนร่ำห้อง ได้รับการยืนยันจากกลุ่มคนที่รักและสนับสนุนสินค้าพื้นเมืองของไทย ที่กล่าวกันไว้ว่า…
“ชอบมากเลยค่ะหลับสบายหลังสวดมนต์ กลิ่นละมุนมากค่ะ”
ถ้าคุณรักความเป็นไทย ชื่นชอบสินค้าจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย และอยากเปลี่ยนห้องนอนของตัวเองให้มีกลิ่นหอม มีบรรยากาศเหมือนห้องบรรทมของเจ้าขุนมูลนายในสมัยโบราณ…
คลิกปุ่มด้านล่าง ไปดูรายละเอียดของเทียนร่ำห้อง ที่ชุมชนเทวาภิรมย์สืบสานองค์ความข้ามยุคสมัย มาส่งมอบให้กับคุณได้เลยค่ะ
Copyright © 2022 bornrdicenter.com All Rights Reserved